คำสั่งสอนของหลวงปู่หงษ์
คำสั่งสอนของหลวงปู่ที่กล่าวกับอริยมุนีเสมอๆๆเพื่อเป็นคติเตือนใจในการทำดี
เมื่อข้าพเจ้าเข้าไปหาหลวงปู่ หรือเวลาท่านเรียกพบ ท่านมักจะประทานโอวาทคำสอนให้แก่อริยมุนีเสมอๆๆ เพื่อเป็นเครื่องเตือนสติให้เป็นคนดี โดยหลักๆๆแล้วท่านมักจะสอนให้ขยันภาวนาให้มากๆๆ และตั้งใจรักษาศีลให้ดี ท่านบอกว่าคนเราโตแล้วคิดเป็นทำเป็นอย่าเป็นคนงอมือ งอเท้า ให้ขยันทำงาน ทำงานอะไรก็แล้วแต่ต้องมีสติ คิดก่อนทำไม่ใช่ทำก่อนคิด ทำงานอะไรก็แล้วแต่ต้องรีบทำให้เสร็จอย่าให้คั่งค้าง อย่าทำอะไรชักช้าทำอะไรให้รวดเร็ว แม้แต่การตื่นนอน ต้องตื่นก่อน นกกาออกไปหากิน ถ้าตื่นสายจะทำมาหากินอะไรได้ โดยท่านจะทำตัวอย่างให้ดูด้วย เช่น ท่านจะตื่นมาตอนตี3-4 เป็นประจำเพื่อทำการสวดมนต์นั่งกรรมฐาน ส่วนการใช้ของท่านก็บอกว่าของทุกอย่างที่เขาถวายมานั้นเขาได้มาจากหยาดเหงื่อแรงงานของเขามาทำบุญ ท่านว่าต้องรู้จักใช้ให้มันคุ้มค่า ไม่ใช่ใช้ทิ้งๆๆขว้างๆๆ ใช้แล้วต้องเก็บให้เป็นที่เป็นทางเป็นระเบียบเรียบร้อย รู้จักใช้รู้จักรักษา แม้แต่ถุงพลาสติกที่เขาห่อของมาถวายท่าน ท่านยังพับเก็บเอาใว้ใช้งานต่อ ท่านว่ามันยังดีอยู่ยังใส่ของได้ ถ้าเราทิ้งไปยามจำเป็นใช้ต้องเสียเงินไปซื้ออีก ตรงไหนที่รก ไม่สะอาดท่านก็จะบอกสอนให้ทำให้สะอาดสะอ้าน เพราะหลวงปู่เป็นคนชอบความสะอาด ส่วนการพูดการจานั้นท่านก็บอกว่าให้พูดจาไพเราะ อย่าพูดจากระโชกโฮกฮาก หรือใช้คำไม่สุภาพ แม้แต่กับเพื่อนฝูงหรือลูกน้อง ต้องพูดจาดีๆๆกับเขา เขาจะได้รัก อย่าใช้อารมย์ให้ใช้ความเมตตาแบบพี่แบบน้อง ถ้าใครด่า ใครว่า ใครแช่ง ก็ไม่ต้องไปโกรธเขา ให้ใช้เมตตาโต้ตอบ หรือนิ่งเงียบเสีย หลวงปู่บอกว่าคนเราเกิดมาต้องหัดเป็นคนพูดจามีสัจจะ รักษาสัจจะ สัจจะนี้สำคัญมาก พูดอะไรแล้วต้องทำให้ได้ รับปากกับใครไว้ต้องพยายามทำให้ได้ ถ้าทำไม่ได้อย่าไปรับปากเขา เสียสัจจะเปล่าๆๆ ท่านว่าเสียสัจจะบ่อยๆๆ ใครก็ไม่อยากคบไม่มีคนไว้ใจ ทำอะไรก็ไม่ค่อยจะสำเร็จเทวดาเขาไม่ช่วย หลวงปู่ท่านเป็นบุคลที่รักษาสัจจะมาก แล้วท่านบอกว่าอย่าเป็นคนขี้บ่น ลำบาก ยาก ขี้เกียจ เหนื่อย หรือพล่ามบ่นอย่างไรสาระตามอารมณ์ตัวเอง บ่นไปแล้วก็ไม่เห็นจะมีอะไรดีขึ้น บ่นไปบ่นมาก็จะเป็นไปตามปาก เหนื่อยนักก็พักไป บ่นมากๆๆคนยังไม่ชอบเลย ท่านว่าเทวดาหนีจากหมด อยู่กับหมู่กับฝูงก็ต้องมีความจริงใจให้กัน อย่าเป็นคนตอแหล ปลิ้นป้อน เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น ท่านว่าแบบนี้เทวดาครูบาอาจารย์หนีหมดสุดท้ายต้องอยู่ตัวคนเดียว แล้วต้องหัดเป็นคนปิดทองหลังพระ คือทำดีโดยไม่ต้องให้ใครเห็นเพื่อหวังจะได้หน้าได้ตา ท่านว่าให้ดูพระเจ้าอยู่หัวเป็นต้นแบบ และคนเราเกิดมาท่านว่าให้มีความเมตตากรุณาต่อบุคคลอื่น เหมือนเป็นพี่เป็นน้องเรา ถ้าอยากให้ใครจริงใจกับเราเราต้องจริงใจกับเขาก่อน คนเราเกิดมาชาตินี้ท่านว่าเพื่อสร้างความดีไว้ชาติหน้าพาหมูคณะร่วมกันสร้างบุญ เราทำแบบไหนก็จะได้แบบนั้น และท่านว่าต้องรู้จักบอกกล่าวแนะนำสั่งสอน บุคคลอื่นให้ตั้งใจทำความดีรักษาศีล แล้วต้องเป็นคนที่หัดรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นด้วย อย่าเอาแต่ตามใจหรือตามอารมย์ของตัวเอง โดยคิดว่าตัวเอง เก่ง ฉลาด หรือดีเด่นเกินคนอื่นให้หัดฟังคนอื่นเขาบ้าง และท่านว่าให้หัดสำรวจดูความพกพร่องของตนเอง อยู่เป็นเนืองนิจ เมื่อเห็นข้อผิดพลาดก็ให้รีบแก้ไขเสีย ไม่ใช่ไปนังดุแต่ข้อเสียของคนอื่น ที่ท่านใด้ประทานโอวาทมานั้นมากมาย จำได้ไม่หมด แต่สิ่งที่สำคัญ อริยมุนี จะนำมาคิดตรึกตรองทุกวันเพื่อให้ตนเองนั้นเป็นคนดี ถึงทำได้ไม่หมดแต่ก็พยายาม นั่งคิดพิจารณาบ่อยๆๆ จะได้เกิดปัญญาตามที่ท่านอุตส่าห์แนะนำสั่งสอนบอกกล่าวศิษยานุศิษย์ท่านใด ที่เห็นว่าดีก็สามารถนำไปปฎิบัติได้ ใม่มีลิขสิทธิ์
เครดิต บทความ ของ อริยมุนี เสกสรรค์ พรหมนุช
ผู้ชมทั้งหมด | 1,116,133 ครั้ง |
เปิดร้าน | 21 พ.ค. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 6 ก.ย. 2568 |