ขุนช้างเจ้าทรัพย์ พ่อท่านเขียว

หลายท่านคงแปลกใจวัดอื่นนิยมทำพระขุนแผนกันทำไมวัดห้วยเงาะกลับทำขุนช้างแล้วจะดีสู้พระขุนแผนได้หรือ ?

คงเป็นคำถามที่ติดอยู่ในใจทุกท่านแน่ พ่อท่านเขียวอธิบายเคล็ดให้ฟังกันดังนี้

          1.ขุนช้างได้ยศขุน เพราะร่ำรวยมีเงินทองมาก แต่ขุนแผนต้องรบพุ่งพบแต่ความยากลำบากกว่าจะได้ยศขุน

          2.ขุนช้างไม่ต้องติดคุกแต่ขุนแผนกลับต้องติดคุก

          3.ขุนช้างมีทาสในเรือนเบี้ย( โดยนัยคือภรรยาทั้งสิ้น )นับสิบๆคน

          4.ขุนช้างมีความสุขสบาย แต่ ขุนแผนต้องพบกับความยากลำบาก

          5.ในแต่ละวันมีแต่คนเอาเงินมาให้ ไม่ต้องออกไปเสาะหาทรัพย์สิ้นเงินทองให้ลำบาก

พ่อท่านจึงดำริให้สร้างขุนช้างแจกเหล่าศิษย์ที่เป็นพ่อค้าคหบดี เพราะผลดังกล่าวมาข้างต้นและผลในทางโชคลาภค้าขาย

ให้ถือเป็นเคล็ดอันสำคัญให้เกิดผลแก่เหล่าลูกศิษย์ใกล้ไกลที่นับถือท่าน พบกับความสุขสบายไม่มีความทุกข์ ประกอบอาชีพ

คล่องตัวมีเงินมีทองไม่มีหนี้สิ้นดำรงชีพชอบ

      ปลัดขิกขลังแห่งเมืองใต้ ของพ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ

เริ่มจากการที่ท่านปลุกเสกปลัดตัวเล็กๆ คล้องคอเจ้าสุนัขตัวเล็กที่ท่านชอบเลี้ยง แล้วมีคนสังเกตุว่าเวลาท่านรับกิจนิมนต์ไป

นอกวัดหมาตัวใหญ่รุมกัด แต่ไม่สามารถทำอันตรายเจ้าหมาตัวน้อยได้ ทั้งที่น่าจะโดนกัดตายแต่กลับไม่เป็นไร เห็นเช่นนี้

บ่อยๆเข้า ปลัดที่คอเจ้าหมาน้อยก็โดนแอบปลดไปคุ้มตัวกัน ผลคือท่านต้องคอยมาสำรวจทุกวันจนต้องทำแจกในที่สุดเรื่อง

วิชา ปลัดขิกนี้ ท่านปลุกเสกได้ขลังและดี คงมีไม่กี่ท่านที่ทราบว่าพ่อท่านเขียวกับหลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม เป็นสหธรรม

มิกกัน ปลุกเสกเจอกันคราวใด เมื่อเสร็จหรือก่อนพิธีถ้าพอมีเวลาจะนั่งคุยกันอยู่สองรูปจับไม้จับมือกันคุยกันออกรสออกชาติ

สร้างความประหลาดใจแก่เหล่าศิษย์ ว่าท่านรู้จักกันเมื่อไหร่ตอนไหนทำไมจึงสนิทสนมกันมากทั้งที่อยู่ห่างกันนับพันกิโล

แม้ในช่วงคราวงานปลงสังขารหลวงพ่อไสว ท่านก็ไปถึงวัดและยังปลุกเสกของในส่วนที่เหลืออยู่ของหลวงพ่อไสวด้วย

มีอยู่คราวหนึ่งมี นักบินท่านหนึ่งไปขอปลัดท่านและขอความพิเศษว่าให้ดีท่านเมตตาชู้สาว ท่านก็ลงให้เป็นพิเศษโดยจาร

ให้ ที่หัวปลัด กำกับไป 2 คำ ว่า อ่านเป็นคำไทยได้ว่า ล่อ .... หากคนที่ใช้ปลัดขิกจะทราบดี ผลคือท่านกลับมาเล่าให้ฟังว่า

สาวน้อยสาวใหญ่มารุมล้อม ไม่เป็นอันทำอะไรจนหนักใจไปหมด รักพี่เสียดายน้อง ทั้งที่ตัวเองก็อายุพอสมควรแล้ว ชีวิต

เต็มไปด้วยความรักมากมาย พอดีมีช่วงงานสำคัญเข้ามาจึงต้องเอาปลัดขิกออกห่างตัวผลคือเรื่องรักๆใคร่ๆค่อยๆคลายตัว

ลงลดความวุ่นวายลงไปได้

และครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เป็นการรวมตัวของเครื่องราง สุดยอดทั้ง สอง อย่างเป็นหนึ่งเดียว

เรียกว่า ปลัดขิก ขุนช้างจ้าวทรัพย์ สุดยอดของอภินิหารเครื่องราง

             รายละเอียดการสร้างและจำนวนในรุ่นนี้

ปลัดขิก-ขุนช้างจ้าวทรัพย์ เนื้อสัมฤทธิ์ จำนวน 5000 องค์ ตอกโค๊ตนัง และหมายเลข ๑-๔๙๙๙ และ ๙๙๙๙ (จัดไว้ในชุดกรรมการ 200 องค์)

ปลัดขิก-ขุนช้างจ้าวทรัพย์ เนื้อนวะโลหะ จำนวน 400 องค์ ตอกโค๊ตนัง และหมายเลข ๑-๓๙๙ และ ๙๙๙ (จัดไว้ในชุดกรรมการ 200 องค์)

ปลัดขิก-ขุนช้างจ้าวทรัพย์ เนื้อเงิน จำนวน 200 องค์ ตอกโค๊ตนัง และหมายเลข ๑-๑๙๙ และ ๙๙๙ (จัดไว้ในชุดกรรมการเท่านั้น)

ปลัดขิก-ขุนช้างจ้าวทรัพย์ เนื้อเงินหัวทองคำ จำนวน 100 องค์ ตอกโค๊ต และหมายเลข 1-99 และ 999

ปลัดขิก-ขุนช้างจ้าวทรัพย์ แบบช่อๆละ 9 องค์ จำนวน 30 ช่อ ตอกโค๊ต และหมายเลข ๑-๒๙ และ ๙๙

กระดาษยันต์ ขนาด 10 ซ.ม.x 10 ซ.ม. จำนวน 2250 แผ่น ตอกโค๊ต และหมายเลข 0001-2250

กระดาษยันต์ ขนาด 10 นิ้ว.x 10 นิ้ว จำนวน 50 แผ่น ตอกโค๊ต และหมายเลข 0001-0050

ปลุกเสกวัดห้วยเงาะ วันที่ 29 ตุลาคม 2552 เวลา 9.00 น.