พระสมเด็จแหวกม่าน รุ่นแรก หวงพ่อชำนาญ วัดบางกุฎีทอง

หลวงพ่อแกะบล็อกเองเขียนผงเองเก็บไว้ถึง 5 ปี เพื่อรอฤกษ์ รอวันรอผงที่สำคัญที่จะมา ท่านพูดว่า”รอผงจากฟ้า” ทุกคนก็ไม่รู้ว่าท่านหมายถึงอะไรจนท่านได้ผงถึง 3 ชนิดจากที่ต่างๆ ท่านจึงให้ทำพระพิมพ์สำคัญนี้ขึ้น หลวงพ่อเคยพูดกับลุงห่อว่า “พระแหวกม่านถ้าทำแล้วต้องแหวกม่านได้จริงๆ และต้องมีอานุภาพให้ครบ” ท่านนิ่งสักครู่และพูดต่อว่า “พระแหวกม่านต้องแหวกปัญหาอุปสรรคขัดขวางนานัปการ ทั้งความจน ปัญหาเงิน ปัญหางาน ปัญหาเรียน ปัญหาครอบครัว ปัญหาเกี่ยวกับคน (รวมทั้งความรักความเมตตาด้วย) ส่งให้ชีวิตดีขึ้น เจริญรุ่งเรืองขึ้นหันหน้าไปทิศใดทางใดไม่เห็นปัญหาแหวกขจัดปัญหาอุปสรรคได้หมด รวมทั้งอุปสรรคที่เรามองไม่เห็นด้วย เช่น คำสาปแช่ง, เคราะห์กรรม, เจ้ากรรมนายเวรจองล้างจองผลาญ คุณผีคุณไสยดำ อำนาจฝ่ายต่ำที่ฉุดให้เราต่ำลง

พระแหวกม่านองค์นี้จะช่วยให้ผ่อนหนักเป็นเบาจากเบาให้หมดสิ้นไป อุปมาดังพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า บำเพ็ญบารมีสิงหาอสุงไขแสนกัลป์นานแสนนานนับจำนวนไม่ได้ทรงบรรลุอภิเษกสัมโพธิณาณเป็นพระบรมศาสดาผู้เลิศกว่ามนุษย์ เทวดา มาร พรหม ไม่มีใครเสมอได้ ท่านผ่านและชนะอุปสรรคทั้งหมดทั้งสิ้นฉันใด การอัญเชิญพระพุทธบารมีของพระองค์ในลักษณะแหวกม่านพ้นจากปัญหาเหนือจากอุปสรรคทั้งปวงฉันใด ย่อมมีพลานุภาพให้ปัญหาอุปสรรคของเรามีเพียงเล็กน้อยให้อันตรธานหายหมดไปฉันนั้น โบราณกาลจึงนิยมทำพระแหวกม่านเพราะมีความเป็นเลิศ ผงทั้ง 3 ของหลวงพ่อที่ท่านรอนานถึง 5 ปี มีความเป็นมาอย่างไร

1.ผงจุฬามณี (สีกลีบจำปา) เป็นผงสำคัญที่ท่านได้มาวันวิสาขบูชา ปี 46 เวลา 7 โมงเช้า หลวงพ่อออกจากห้องโดยถือถ้วยชาออกมาด้วย ท่านเดินไปหาศิษย์วัดคนที่มีหน้าที่ทำพระ ท่านยื่นถ้วยชานี้ให้และบอกว่า “เอาไปทำพระแหวกม่านนะ) ในถ้วยชามีผงละเอียดสีทอง (เหลืองแบบกลีบจำปา) ศิษย์ผู้นั้นถามหลวงพ่อว่า ผงอะไร ท่านตอบโดยไม่ต้องคิดว่า ผงจุฬามณี ศิษย์ผู้นั้นจะถามต่อท่านพูดสวนมาทันทีว่า “เออ! เทวดาเขาให้มาแล้วเก็บไว้ทำพระแหวกม่านให้ผสมทุกครกนะ” ท่านก็ไม่พูดอะไรต่ออีก ไม่มีใครรู้ว่าผงสีกลีบจำปานี้ดียังไง ทำไมหลวงพ่อรอผงนี้ถึง 5 ปี จับคำพูดของหลวงพ่อได้ว่า “พระแหวกม่านดียังไงผงนี้หนุนให้ดีเป็นร้อยเท่า” หลวงพ่อพูดเพียงนี้

2.ผงค้ำชะตา ตลอด 5 ปีที่หลวงพ่อดำริจะทำพระแหวกม่าน ท่านตั้งใจเอาดินสอพองผสมผงเก่าของท่านปั้นเป็นแท่ง เขียนผงในกระดาษชนวนทุกวัน ท่านทำในกุฏิที่มืดสนิทไม่เปิดไฟไม่เปิดหน้าต่าง ท่านจะเก็บผงทั้งหมดใส่กล่องขนมปัง พอเวลาท่านลุกจากที่เขียนแล้วใต้ชนวนของท่านจะมีผงละเอียดหล่นอยู่จำนวนมาก เด็กวัดต้องคอยเก็บใส่ในกระป๋องให้หลวงพ่อทุกวัน (เรื่องผงรอดกระดาษชนวนมีคนเคยเห็นหลายคน) พอเวลาท่านจำวัดท่านจะนำกล่องขนมปังเหล็กที่ใส่ผงนี้มาหนุนหัวท่านทุกคืนตลอด 5 ปี ท่านบอกว่าเป็นวิธีปลุกเสกผงแบบโบราณอีกแบบหนึ่งที่ใช้ทางช้ำชะตาหนุนดวงไม่ให้ตก (เหมือนกับว่าหนุนหัวของท่านให้สูงอยู่ตลอดเวลาไม่ให้ตกแสดงว่าหลวงพ่อใช้วิชาความรู้ พลังจิต สมาธิ กำลังณาณของท่านเป็นพลังหนุนเมื่อนำผงนี้มานำพระแหวกม่านจึงมีอานุภาพเด่นทางค้ำชะตา หนุนดวงหนุนตัวเราไม่ให้ตกต่ำ ในปัจจุบันจะมีเกจิอาจารย์รูปใดมุ่งมั่นตั้งใจทำพระให้ศิษย์ใช้โดยต้องทนลำบากกล่องเหล็กแทนหมอนนุ่มๆ ถึง 5 ปี นับเป็นความวิริยะอุสาหะ และแสดงความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือศิษย์ท่านทุกคน

3.ผงดำปฐวีธาตุ ศิษย์หลวงพ่อพบหินดำก่อนเท่าลูกฝักลอยน้ำได้ในถ้ำจังหวัดกาญจนบุรี จึงนำมาถวายหลวงพ่อ หลวงพ่อรับแล้วจึงเล่านิทานให้ฟังว่า “มีพระธุดงค์หลายรูปอยากได้หินนี้แต่ก็เอาไปไม่ได้ เจ้าของเขาไม่ให้ถ้าเขาให้ทุกอย่างก็ง่ายไปหมด” พระปัจเจกภรตมุณีองค์หนึ่งบำเพ็ญจนสำเร็จ วันสุดท้ายก่อนจะปรินิพพานได้อธิษฐานก้อนข้าวเหนียวดำที่ชาวเมืองนำมาถวายเป็นหินและทิ้งจมไปในน้ำพร้อมทั้งอษิฐานว่า “ เราบรรลุธรรมขั้นสูงฉันใดขอให้ก่อนข้าวนี้สำเร็จประโยชน์เหมือนกัยเราฉันนั้น” ด้วยอำนาจณาณสมาบัติของท่านหินก้อนนี้ถึงลอยเป็น “ปฐวีธาตุดำ” มีอานุภาพดุจแก้วสารพัดนึก คิดหวังสิ่งใดไม่ผิดศีลธรรมสำเร็จประโยชน์โดยฉับพลันด้วยแรงอธิษฐานของพระปัจเจกภรตมุณีองค์นั้น