ราหูอมจันทร์ กะลาแกะ หลวงพ่อฟู วัดบางสมัคร รุ่นไหว้ครู ๕๓ บูชากันอาถรรพ์ แก้ชง ดีทางโชคลาภ สภาพคัดสวย เก็บสะสมในซองเดิม ๆ

ราหูอมจันทร์ กะลาแกะ หลวงพ่อฟู วัดบางสมัคร รุ่นไหว้ครู ๕๓ บูชากันอาถรรพ์ แก้ชง ดีทางโชคลาภ สภาพคัดสวย เก็บสะสมในซองเดิม ๆ
ราหูอมจันทร์ กะลาแกะ หลวงพ่อฟู วัดบางสมัคร รุ่นไหว้ครู ๕๓ บูชากันอาถรรพ์ แก้ชง ดีทางโชคลาภ สภาพคัดสวย เก็บสะสมในซองเดิม ๆราหูอมจันทร์ กะลาแกะ หลวงพ่อฟู วัดบางสมัคร รุ่นไหว้ครู ๕๓ บูชากันอาถรรพ์ แก้ชง ดีทางโชคลาภ สภาพคัดสวย เก็บสะสมในซองเดิม ๆราหูอมจันทร์ กะลาแกะ หลวงพ่อฟู วัดบางสมัคร รุ่นไหว้ครู ๕๓ บูชากันอาถรรพ์ แก้ชง ดีทางโชคลาภ สภาพคัดสวย เก็บสะสมในซองเดิม ๆ
หมวดหมู่ พระเกจิ คณาจารย์ ภาคตะวันออก
ราคา 1,500.00 บาท
สถานะสินค้า พร้อมส่ง
อัพเดทล่าสุด 7 ธ.ค. 2560
จำนวน
ชิ้น
หยิบลงตะกร้า
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay
วันพฤหัสบดี ที่ 11 มีนาคม 2553
Posted by ศิษย์กวง , ผู้อ่าน : 51654 , 15:08:23 น.  
หมวด : ศิลปะ/วัฒนธรรม

พิมพ์หน้านี้
โหวต 1 คน opads โหวตเรื่องนี้

ในเรื่องของวัตถุมงคลต่างๆ นั้น เครื่องราง ถือว่าเป็นสิ่งที่คนไทยเรารู้จักกันมานานหลายชั่วอายุคน ว่ากันว่าเครื่องรางมีหลากชนิดหลายประเภท บางอย่างมีมานานแล้วแต่บางอย่างก็เพิ่งจะเกิดมาลืมตาดูโลกได้ไม่นานนัก เครื่องรางมีทั้งแบบที่เกิดตามธรรมชาติและแบบที่เกิดจากการสร้างขึ้นมาเองโดยฝีมือมนุษย์ 

ประเด็นที่น่าสนใจอยู่ตรงที่ว่าการจะทำให้เครื่องรางมีฤทธิ์ มีเดช ต้องอาศัยการเสก การเป่า จากผู้ที่มีวิชาอาคม 

ผมเคยตั้งคำถามกับตัวเองว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพราะเพียงแค่การบริกรรมคาถาอาคมลงไปบนเครื่องราง เช่นตะกรุด เสือ สิงห์ ลิง ฯลฯ มันถึงสามารถเกิดเป็นความขลังขึ้นมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ...

 

จะเป็นพระเครื่องหรือลิงจับหลัก ใครก็ปลุกเสกได้ แต่จะให้ได้เท่าหลวงพ่อดิ่งเห็นจะไม่มี เพราะหลวงพ่อดิ่งท่านมีสมาธิจิตดีมาก ไม่มีใครเท่าท่าน 

หลวงพ่อฟูเล่าให้พวกเราฟังว่า หลวงพ่อดิ่งท่านเป็นพระที่มีชื่อเสียงในด้านคงกระพันชาตรีและมหาอุด ด้วยคุณวิเศษมหัศจรรย์เฉพาะตัวอันนี้  ทำให้หลวงพ่อดิ่งได้รับนิมนต์ให้ไปร่วมปลุกเสกวัตถุมงคลในพิธีของวัดราชบพิตร เมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๑ ร่วมกับคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงในยุคนั้น อาทิเช่น หลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ ฯลฯ  

สำหรับเครื่องรางที่มีชื่อเสียงของหลวงพ่อดิ่งคือ ตะกรุดเจ็ดดอกตะกรุดโทน และลิงจับหลัก(หนุมาน) โดยเฉพาะลิงจับหลัก(หนุมาน)นี้ หลวงพ่อฟูท่านได้เล่าว่า 

ความจริง ลิงจับหลัก ก็คือหนุมานนั่นเอง ด้วยเหตุที่ว่าสมัยหลวงพ่อดิ่งยังไม่ละสังขาร ท่านได้สร้างหนุมานขึ้นจากรากของต้นพุดซ้อนแต่เนื่องจากฝีมือการแกะของชาวบ้านที่ไม่ค่อยเสถียร หนุมานที่สร้างขึ้นมาจึงละม้ายคล้ายไปในลักษณะของลิงเสียมากกว่า ผู้คนจึงพากันเรียกหนุมานของหลวงพ่อดิ่งว่า ลิง  

ต่อมาเมื่อหารากพุดซ้อนไม่ได้ จึงต้องใช้ไม้ชนิดอื่นแทน เช่นไม้ขนุน ด้ามตาลปัตร ฯลฯ ในบางครั้งก็มีชาวบ้านบางคนแกะลิง(หนุมาน)มาให้ท่านเสกเป็นการส่วนตัว หลวงพ่อดิ่งท่านก็เมตตาสงเคราะห์เสกให้ไป แต่ไม่ว่าจะเป็นการสร้างมาจากวัสดุอะไรก็แล้วแต่ เมื่อมาถึงมือหลวงพ่อดิ่งแล้ว มั่นใจได้เลยว่าเป็นอันเด็ดขาดสามารถคุ้มครองตัวได้ 

ในส่วนประสบการณ์ ลิงจับหลัก ของหลวงพ่อดิ่ง เห็นถ้าคงจะเล่าไม่ไหวครับ เอาเป็นว่าถ้าไม่แน่จริง ลิงจับหลัก ของท่านคงจะไม่ขึ้นแท่นว่าเป็นหนึ่งในเครื่องรางยอดปรารถนาของผู้คนมาจนถึงทุกวันนี้หรอกครับ

สำหรับเรื่องของลิงจับหลัก ที่หลวงพ่อฟูได้เล่าให้พวกเราฟังนี้ พระใบฏีกาเชษฐ์ วัดบางวัว ได้บันทึกถึงประวัติความเป็นมาจากปากคำของผู้เฒ่าผู้แก่ที่อยู่ทันยุคสมัยของหลวงพ่อดิ่ง บางท่านก็เป็นช่างที่เคยแกะลิงถวายให้หลวงพ่อดิ่ง ซึ่งบันทึกของพระใบฏีกาเชษฐ์นี้สอดคล้องเป็นแนวทางเดียวกับที่หลวงพ่อฟูเล่าดังนี้ครับ 

ในสมัย พ.ศ.๒๔๘๐ กว่าๆ นั้น ถึงการสื่อสารยังไม่สะดวกสบายเหมือนกับในปัจจุบัน แต่ชื่อเสียงของหลวงพ่อดิ่งท่านก็ยังโด่งดังเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป เครื่องรางของขลังที่ทำให้ท่านมีชื่อเสียงคือ ลิงจับหลัก (ไม้รากพุดซ้อนแกะ) การสร้างลิงจับหลักนั้นจะต้องหาต้นพุดซ้อนให้ได้ตรงตามตำราเสียก่อน 

กล่าวคือต้นพุดซ้อนต้นนั้นจะต้องมีรากที่ชี้ไปทางทิศตะวันออกจึงจะใช้ได้ ก่อนจะทำการขุด หลวงพ่อดิ่งท่านจะให้ลูกศิษย์ของท่านทำการพลีต้นพุดซ้อนนั้นเสียก่อน โดยผู้ที่จะทำพิธีการพลีนั้นจะต้องสมาทานศีล นุ่งขาวห่มขาว หลังจากที่เสร็จสิ้นพิธีการพลีแล้วก็จะทำการขุดต้นพุดซ้อนนั้นขึ้นมาเพื่อที่จะเอารากที่ชี้ไปทางทิศตะวันออก 

สิ่งที่ต้องระวังคือในช่วงเวลาที่ขุด ห้ามให้เงาของคนที่ขุดทับไปที่ต้นพุดซ้อน เมื่อได้รากพุดซ้อนที่ถูกต้องตามตำรามาแล้วก็จะนำมาตากลมให้แห้ง พอแห้งแล้วก็นำมาแกะเป็นหนุมานถือตรี ถือพระขรรค์ หรือถือกระบอง อย่างใดอย่างหนึ่งตามที่หลวงพ่อดิ่งจะสั่ง ขนาดของหนุมานจะต้องมีความสูงไม่เกินหนึ่งองคุลี ลักษณะของหนุมานจะมีขนาดใหญ่อ้วนผอมไม่เป็นไร เพราะขนาดของรากพุดซ้อนเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน 

เมื่อลูกศิษย์แกะลิงตามที่หลวงพ่อดิ่งสั่งจนครบตามจำนวนแล้ว หลวงพ่อดิ่งจะตรวจดูว่าลิงจับหลักที่แกะมานั้นถูกต้องตามตำราหรือไม่ เมื่อดูแล้วถูกต้องก็จะหาฤกษ์ยามในการปลุกเสก คือวันเสาร์หรือวันอังคารข้างขึ้น 

การปลุกเสกลิงจับหลักจะต้องปลุกเสกจนครบ เจ็ดเสาร์เก้าอังคาร โดยเวลาปลุกเสก หลวงพ่อดิ่งจะนำลิงจับหลักไม้แกะทั้งหมดใส่ลงในบาตรและท่านจะนั่งปลุกเสกจนลิงจับหลักนั้นกระโดดออกจากบาตร 

ลิงจับหลักตัวที่กระโดดออกจากบาตรได้นั้นถือว่าสำเร็จสามารถนำไปใช้บูชาติดตัวได้ และถ้าตัวไหนไม่กระโดดออกจากบาตร หลวงพ่อดิ่งท่านจะใช้เหล็กจารจิ้มที่ก้นเป็นเชิงสัญญลักษณ์และจึงทำการปลุกเสกต่อจนลิงจับหลักนั้นจะสามารถกระโดดออกจากบาตรได้ทั้งหมด

 

ในปี พ.ศ.๒๔๘๓ หลวงพ่อดิ่งทำพิธีปลุกเสกลิงจับหลักครั้งยิ่งใหญ่ มีการทำพิธีตัดไม้ข่มนาม(ข่มอาวุธ) โดยหลวงพ่อดิ่งท่านจะนั่งเสกลิงจับหลักบนอาวุธซึ่งได้มีการเอาหนังเสือโคร่งมาปูทับอาวุธไว้ตามเคล็ด ในส่วนของการปลุกเสก หลวงพ่อดิ่งท่านจะนั่งปลุกเสกจนสว่างทุกวันเสาร์จนครบเจ็ดเสาร์ และทุกวันอังคารจนครบเก้าอังคาร จึงจะนำลิงจับหลักไม้แกะมาแจกแก่บรรดาลูกศิษย์ที่มาขอลิงจับหลักจากท่าน.... 

ครับที่เขียนมาข้างต้นนั่นคือส่วนของหลวงพ่อดิ่งผู้ที่มีหน้าที่ทำให้ขลัง.. 

ซึ่งเรื่องราวทั้งหลายทั้งปวงเกี่ยวกับการสร้างและการเสกให้ได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์นั้น เป็นเรื่องที่ต้องใช้ความรู้ ความสามารถ ความอดทน ตลอดจนเป็นผู้ที่มีวิชาอาคมดีจึงสามารถปลุกเสกของได้อย่างยอดเยี่ยม 

แต่ก็อย่างที่ทราบกันแหละครับว่าเรื่องราวของไสยศาสตร์ ซึ่งเป็นศาสตร์ที่ต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องของพิธีกรรม คาถา อาคม ดังนั้นการที่จะให้เครื่องรางของขลังนั้นเกิดประสิทธิ์ภาพและเป็นผลดีกับตนจึงต้องรู้จักวิธีปฏิบัติ ซึ่งวิธีการบูชาลิงจับหลัก ตำราท่านว่าให้ปฏิบัติดังนี้ครับ 

การบูชาลิงจับหลักหรือหนุมานจับหลักไม้แกะรากพุดซ้อนในตำรานั้น ให้ตั้งนะโม ๓ จบ แล้วว่าพระคาถาดังนี้ 

หนุมานะ นะมะพะทะ

พระคาถาดังกล่าวให้เสกตามกำลังวัน เช่น เสาร์ ๑๐ อาทิตย์ ๖ จันทร์ ๑๕ อังคาร ๘ เป็นต้น เมื่อจะไปหาผู้ใหญ่ ให้นำลิงมาจุ่มน้ำมันจันทร์เจิมหน้าผาก ถ้าไปหาคนรัก ให้นำลิงมาจุ่มน้ำมันจันทร์วนรอบสะดือข้างซ้าย(ทักษิณาวัตร) ไปหาผู้ชาย ให้นำลิงมาจุ่มน้ำมันจันทร์วนรอบสะดือข้างขวา (ทวนเข็มนาฬิกา) 

ถ้าจะทำให้เขาหลับทั้งบ้าน ให้เอาลิงปลุกเสกพระคาถาตามกำลังวัน แล้วนำไปวางไว้ที่เสาเอกของบ้าน คนในบ้านจะหลับหมด เพราะโดนฤทธิ์ของหนุมานสะกดไว้ ถ้าเราจะทำให้ศัตรูเคลิบเคลิ้ม ให้เอาลิงอมไว้ในปากแล้วเสกตามกำลังวัน เป่าลมออกไป ศัตรูจะงวยงงทำอะไรไม่ถูก เป็นจังงัง

 

คาถา คือ วาจาหรือถ้อยคำที่เราท่องออกมา มันมีพลังอยู่ในตัวของมันเอง.. 

เสกเสือ เสกหนุมาน ใช้คาถาต่างกัน ต่อด้วยพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ 

จะว่าไปแล้วโดยส่วนตัวผมคิดว่า หนุมาน เป็นเครื่องรางของขลังอีกประเภทหนึ่งที่น่าสนใจศึกษาครับ ด้วยเหตุผลที่ว่า รูปแบบ และ การเสก ของแต่ละสำนักจะไม่เหมือนกันครับ

เอาง่ายๆ อย่างในภาคตะวันออกที่มีการสร้างเครื่องรางประเภทนี้ออกมากันหลายสำนัก เช่น หลวงปู่เกลี้ยง วัดเนินสุทธาวาส หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ หลวงพ่อจ้อย วัดหนองน้ำเขียว อาจารย์ธรรมนูญ บุญธรรม สำนักสักยันต์บัวแปดกลีบ ฯลฯ ซึ่งแต่ละสำนักล้วนมีพิธีกรรมและการเสกที่แตกต่างกันออกไป เราอาจจะสามารถสังเกตุได้ง่ายๆ จากคาถาที่แต่ละอาจารย์ได้มอบไว้ให้มาสวดกำกับหนุมาน 

ผมเองได้สอบถามหลวงพ่อฟูว่า 

จำเป็นไหมที่หนุมานตามตำราของหลวงพ่อดิ่งจะต้องสร้างด้วยรากไม้พุดซ้อนเท่านั้นจึงจะเกิดความขลัง  

ท่านตอบว่า..

 

จริงอยู่ถ้าตามตำราเขาว่าไว้อย่างนั้น แต่ก็ไม่ได้ห้ามถ้าจะใช้อย่างอื่นทำ ความสำคัญคือวิธีการเสกที่ต้องว่าตามตำรา

นอกจากนี้สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือเรื่องของครูบาอาจารย์ที่ต้องมีการบอกกล่าวทุกครั้งที่จะทำ เพราะไสยศาสตร์เป็นเรื่องของการใช้ความเชื่อ ความศรัทธา คนเราจะทำการในเรื่องเหล่านี้โดยขาดครูบาอาจารย์ไม่ได้อย่างเด็ดขาด 

ฟังแล้วต้องคิดตามครับว่าเมื่อคนเราใช้ความเชื่อ ความศรัทธาเป็นตัวนำแล้ว การจะเอาเหตุผลหรือข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์มาจับ ดูจะเป็นเรื่องที่ชวนทะเลาะกันเสียมากกว่า

เช่นในกรณีของคำว่า แรงครู ที่เราอาจจะพูดได้ว่ามันคือนามธรรมร่วมสมัยของความเชื่อ ความศรัทธา ต่อสิ่งที่มองไม่เห็นและไม่สามารถพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์

ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้ ทำให้เกิดเป็นวัฒนธรรมที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาในเรื่องของการไหว้ครู  ซึ่งในแง่มุมของไสยศาสตร์ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำจะละเว้นเสียมิได้.. 

จะว่าไปแล้วการไหว้ครูถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมอันดีงามของสังคมไทยมานานแล้วครับ ตามคติความเชื่อว่ากันว่าครูเป็นเหมือนพ่อแม่คนที่สองของเรา เป็นทิศทิศหนึ่งในจำนวนทิศทั้งหก ครูถือเป็นทิศเบื้องขวาเรียกว่า ทักขิณทิศ คือทิศที่ให้ความถนัด ให้วิชา ให้ความรู้แก่เราครับ

  

หลวงพ่อเล่าว่าท่านได้จัดให้มีพิธีไหว้ครูเป็นประจำทุกปี ทั้งนี้เพื่อเป็นการระลึกถึงครูบาอาจารย์ที่ได้ถ่ายทอดสรรพวิชาต่างๆ ให้กับตัวท่าน ท่านว่าการไหว้ครูนอกจากจะเป็นการแสดงถึงความเคารพแล้ว ยังเป็นการขอบารมีครูบาอาจารย์ในการประกอบกิจกรรมมงคลต่างๆ เพื่อให้เกิดความสำเร็จ

สำหรับพิธีไหว้ครูประจำปี ๒๕๕๓ นี้ หลวงพ่อท่านกำหนดไว้เป็นวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๓ วัตถุมงคลที่จะออกให้บูชาในวันไหว้ครูปีนี้มีหลายแบบครับ เช่น พระบูชา พระกริ่ง หนุมานเนื้อผงและ.....หนุมานจับหลัก ครับ 

หนุมานจับหลักที่จะออกให้บูชาในปีนี้ เป็นหนุมานเนื้อโลหะซึ่งหลวงพ่อฟูท่านได้ประกอบพิธีเททองหล่อไปเรียบร้อยแล้ว ลักษณะของหนุมานเป็นแบบนั่งชันเขาถือกระบอง โดยในส่วนที่เป็นกระบองของหนุมาน หลวงพ่อได้ดำริให้จัดสร้างเป็นตะกรุดจารด้วยอักขระ นะ มะ อะ อุ สอดเข้าไว้ในมือของหนุมาน ทั้งนี้อักขระดังกล่าวได้นำมาจากหลังเหรียญรุ่นแรกของหลวงพ่อดิ่ง...  

นอกเหนือไปจากคติความเชื่อที่ว่าหนุมานย่อมต้องมีอาวุธประจำกาย เช่น ตรี พระขรรค์ หรือกระบองแล้ว ความสำคัญอยู่ตรงที่ว่าตะกรุดที่จารด้วยอักขระสี่ตัวนี้ในทางสายวิชาของหลวงพ่อดิ่ง ท่านว่าพุทธคุณเป็นเหมือน ตะกรุดคู่ชีวิต ครับ

 

ในส่วนของตะกรุดคู่ชีวิต หลวงพ่อฟูท่านอธิบายว่าตะกรุดชนิดนี้มิใช่ตะกรุดที่บูชาแล้วจะช่วยให้อมตะนิรันดร์กาล หากแต่เป็นตะกรุดที่มีพุทธคุณเฉพาะตัว เพราะเป็นการสร้างตามสายวิชา

อีกประการหนึ่งคือความเชี่ยวชาญในการปรุงยารักษาโรคของท่านที่มีมากพอๆ กับการใช้คาถาอาคมในการปลุกเสกพระ ดังนั้นด้านหนึ่งของตะกรุดคู่ชีวิตจึงเด่นในเรื่องของการอุดหนุนชีวิตและอีกด้านหนึ่งจึงมีดีตรงที่ช่วยปรับธาตุภายในร่างกายให้เกิดความสมดุล

หนุมานจับหลัก หรือ ลิงจับหลัก เป็นเครื่องรางที่มีพุทธคุณแบบสากลคือเมตตาและคงกระพัน แต่ถ้ามองให้ลึกไปในเนื้อหาแล้วจะเห็นว่าความนิยมในการใช้มักจะตกอยู่กับคนที่ทำราชการ ตามคติความเชื่อในเรื่องของหนุมานชอบอาสานาย 

ในกรณีดังกล่าวค่อนข้างจะตรงตามวัตถุประสงค์ของผู้เสกแต่ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะหลวงพ่อฟูท่านบอกว่า จะเป็นพ่อค้าหรือคนทั่วไปก็บูชาได้เนื่องจากหนุมานจับหลักเป็นเครื่องรางที่นำมาซึ่งความเป็นมงคล

 

ในอดีตเรามีหนุมานที่สร้างขึ้นจากครูบาอาจารย์ยุคโบราณหลายต่อหลายท่าน หนุมาน(ลิง)ของหลวงพ่อดิ่ง เป็นเหมือนตัวชูโรงที่ขับเคลื่อนให้พลพรรคหนุมานเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปในแง่ของความเป็นเครื่องรางของขลัง มากกว่าจะรู้จักหนุมานแค่ว่าเป็นลูกชายของพระพายในวรรณกรรม

และเมื่อเวลาได้เดินทางผ่านไปพร้อมกันประสบการณ์ที่เกิดกับผู้บูชา ทำให้หนุมานของท่านมีราคาเช่าหาที่สูงและเป็นที่ต้องการของผู้คน หากแต่ว่าในปริมาณของหนุมานที่มีจำกัดและไม่ค่อยได้พบเห็น(ของจริง)บ่อยนัก บริบทของตลาดเครื่องรางจึงไม่มีสภาพของการกักตุนแต่ก็หนีไม่พ้นในเรื่องของการตั้งราคาตามใจผู้ครอบครอง 

คงปฏิเสธไม่ได้ครับว่า ความเชื่อถืออย่างมีวิจารณญาณเป็นรากฐานของความขลังขนานดี

 

 “คนเราไม่เหมือนกัน บางคนเชื่อ บางคนไม่เชื่อ มีวัตถุมงคลอยู่กับตัวแต่ไม่นับถือมันก็ไม่เกิดความขลังความศักดิ์สิทธิ์  การจะถือวัตถุมงคลต้องมีความเชื่อมั่นก่อนถึงจะเกิดความศักดิ์สิทธิ์   

ส่วนเรื่องของจะขลังหรือไม่ขลัง ขึ้นอยู่กับคนที่เสกต้องตั้งใจและมั่นใจในการทำ คนที่รับก็ต้องเต็มใจและมั่นใจเหมือนกัน บูชาไปแล้วเอาไปเก็บมันก็ไม่มีประโยชน์ ของจะขลังมันจะต้องนำมาใช้ด้วยความเคารพศรัทธา 

ผมเรียนถามหลวงพ่อว่า ข้อห้ามในการบูชาวัตถุมงคลของหลวงพ่อคืออะไร

ห้ามระรานคนอื่น และห้ามทิ้งการทำความดี 

สำหรับเหตุผลที่ท่านบอกข้อห้ามนี้ ท่านเล่าว่าก่อนที่ท่านจะเริ่มเรียนวิชาจาก หลวงพ่อจอม อดีตเจ้าอาวาสวัดบางวัว ข้อตกลงแลกเปลี่ยนก่อนจะสอนคือ ห้ามระรานคนอื่นและต้องหมั่นทำความดี โดยเฉพาะศีลห้าข้อต้องอย่าขาด ข้อห้ามดังกล่าวนี้หลวงพ่อกำชับว่าไม่ต้องพกพระของท่านก็สามารถใช้คุ้มครองตัวเราเองได้ 

ครับจะเห็นได้ว่า หนุมานจับหลัก(ลิงจับหลัก) ตะกรุดคู่ชีวิต พิธีกรรมการไหว้ครู ฯลฯ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีความหมายและเป็นเรื่องมงคลทั้งสิ้น

จริงอยู่ถึงแม้ว่าทุกอย่างที่ได้กล่าวถึงจะเป็นสิ่งที่มนุษย์สมมุติขึ้น ซึ่งเราเองก็ต้องยอมรับว่าสิ่งสมมุตินั้นได้กลายมาเป็นความเชื่อและถือปฏิบัติติดต่อกันมาอย่างยาวนาน 

ไม่มีใครรู้หรอกครับว่าหนุมานกับการไหว้ครู อย่างไหนจะเกิดก่อนกัน 

เพียงแต่เราต้องยอมรับความเป็นอัจฉริยะของคนโบราณที่ได้ให้กำเนิดเครื่องรางหรือพิธีกรรมแบบนี้จนกลายมาเป็นวัฒนธรรม

ดังนั้นเครื่องรางหรือพิธีกรรมจึงไม่ได้เป็นเพียงเรื่องราวแต่หนหลังที่มีคุณค่าเท่านั้น หากแต่มันเป็นการบ่งบอกถึงเอกลักษณ์ความเป็นคนไทยที่มีวัฒนธรรมอันดีงามที่ได้สืบต่อเนื่องมาจนถึงยุคสมัยของพวกเราในปัจจุบัน ตลอดจนเป็นการสร้างกำลังใจขั้นพื้นฐาน สำหรับการเดินทางต่อไปในอนาคต

ซึ่งประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่าการเดินทางนั้น ห้ามระรานคนอื่นและห้ามทิ้งการทำความดี.....สวัสดีครับ

กราบขอบพระคุณ พระใบฏีกาเชษฐ์ วัดบางวัว ที่เมตตาให้ข้อมูล ขอขอบคุณ คุณพรชนก สุขพงษ์ไทย

วิธีการสั่งเช่าพระ


ขั้นตอนที่ 1
เลือกสินค้าที่คุณต้องการ โดยคลิกปุ่มสั่งซื้อ / หยิบลงตะกร้า
ขั้นตอนที่2
เมื่อเลือกสินค้าครบแล้ว ให้คลิกปุ่มสั่งซื้อสินค้าในตะกร้าสินค้า
ขั้นตอนที่ 3
กรอกรายละเอียดให้ครบถ้วน จากนั้นคลิกปุ่มยืนยันการสั่งซื้อ
ขั้นตอนที่ 4
ชำระค่าสินค้าและบริการ สามารถดู วิธีการชำระเงินได้ที่นี่
ขั้นตอนที่ 5
แจ้งการชำระเงินผ่านทางหน้าเว็บไซต์ แจ้งชำระเงิน
ขั้นตอนที่ 6
เมื่อทางร้านตรวจสอบรายการชำระเงินเรียบร้อยแล้ว จะจัดส่งสินค้าให้คุณทันที
     

วิธีการชำระเงิน

ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาลาดพร้าว ซอย111 ออมทรัพย์

 

เปิดบริการ 24 ชม.

ผู้ชมทั้งหมด1,115,931 ครั้ง
เปิดร้าน21 พ.ค. 2558
ร้านค้าอัพเดท6 ก.ย. 2568

ติดต่อเรา 24 ชม.

หมวดหมู่พระเครื่อง

Join เป็นสมาชิกร้านค้า

ร้านบารมีพระ
ร้านบารมีพระ
www.barameepra.net/
Join เป็นสมาชิกร้าน
60
สมัครสมาชิกร้านนี้ เพื่อรับสิทธิพิเศษ
รายการสั่งซื้อของฉัน
เข้าสู่ระบบด้วย
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก

ยังไม่มีบัญชีเทพ สร้างบัญชีใหม่ ไม่มีค่าใช้จ่าย
สมัครสมาชิก (ฟรี)
รายการสั่งซื้อของฉัน
ข้อมูลร้านค้านี้
ร้านบารมีพระ
บารมีพระ
ศูนย์พระเครื่องออนไลน์ บารมีพระ พระบูชา พระเครื่อง เหรียญ รูปหล่อ เครื่องราง ของขลัง ยอดนิยม ตะกรุด เบี้ยแก้ รูปหล่อ เหรียญ ผ้ายันต์ กุมารทอง พระขุนแผน พระกริ่ง ของสะสม ยอดนิยม ของแท้ 100 เปอร์เซ็นต์ รับประกันความแท้ตลอดชีพ พระเครื่องทุกรายการแท้100% รับประกันตลอดชีพ ถ่ายจากภาพจริง ให้บริการ โดยพล บางกะปิ
เบอร์โทร : 0830057095
อีเมล : pholandkaka@gmail.com
ส่งข้อความติดต่อร้าน
เกี่ยวกับร้านค้านี้
สินค้าที่ดูล่าสุด
ดูสินค้าทั้งหมดในร้าน
สินค้าที่ดูล่าสุด
บันทึกเป็นร้านโปรด
Join เป็นสมาชิกร้าน
แชร์หน้านี้
แชร์หน้านี้

TOP เลื่อนขึ้นบนสุด
พูดคุย-สอบถาม